วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

บ๊วย รับ สนิท ไฮโซโม ทะเลาะเมีย(ตุ๊ก) แต่เตียงยังไม่หัก...

บ๊วย รับ สนิท ไฮโซโม ทะเลาะเมีย(ตุ๊ก) แต่เตียงยังไม่หัก...

พิธีกรชื่อดัง บ๊วย เชษฐวุฒิ เครียดจัดหลังมีข่าวลือว่าเตียงหัก โดยมีไฮโซสาว โม นภัสนนท์ ทายาทร้านทองชื่อดังเข้ามาเอี่ยว ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันนี้(22 ก.ย.) หนุ่มบ๊วย ได้ออกมาแถลงข่าวชี้แจง โดยเจ้าตัวเผยยังมึนไม่รู้ว่าข่าวออกมาได้ยังไง รับช่วงนี้มีปัญหากับทางภรรยา ตุ๊ก ชนกวนันท์ จริงแต่ก็ยังไม่ถึงกับเตียงหัก อุบสาเหตุทะเลาะ ยันไม่ใช่เรื่องมือที่สาม และไม่อยากให้ดึงใครมาเกี่ยวข้อง เพราะสงสาร ลั่นไม่ได้หลงทางไฮโซสาวเพราะไม่ได้คบแบบแฟน ส่วนเรื่องขอแต่งงานยิ่งเป็นไปไม่ได้

นอกจากนั้น บ๊วย ยังแจงว่า โดยส่วนตัวรู้จักและสนิทกับทาง ไฮโซโม จริง เพราะเคยไปทำงานพิธีกรให้ นอกจากนั้นก็มีไปกินข้าวด้วยกันบ้าง แต่ก็ไม่ใช่สองต่อสอง และได้มีการติดต่อไปขอโทษกับทางฝ่ายหญิงแล้วที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนกับภรรยาก็มีการเคลียร์กันก่อนที่จะมานั่งแถลงแล้ว เปรยอีกฝ่ายเข้าใจดี


สำหรับเรื่องสถานะยังเรียกว่าเป็นสามีภรรยาได้อยู่หรือไม่นั้น บ๊วย เปรยอนาคตไม่รู้ ซึ่งตนเป็นคนรักครอบครัวมาก และไม่เคยบอกว่ารักภรรยาน้อยลง ลั่นไม่อยากเลิก ต่อจากนี้จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งทางตุ๊กเองก็เครียดจนหามส่งโรงพยาบาลมาแล้ว เป็นเหตุให้ต้องแคนเซิ่ลงานที่รับไว้ในช่วงบ่ายของวันนี้ด้วย....

"ผมก็ไม่รู้ว่าข่าวมันมาได้ยังไงนะครับ คือเรื่องราวจริงๆ แล้วก็อย่างที่คุยกันในรายการคันปาก คือมันเป็นเรื่องของครอบครัว ซึ่งผมเองก็เป็นครอบครัวๆ หนึ่งซึ่งเป็นครอบครัวธรรมดา ก็ตกลงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนะครับ เวลาเราไปทำงาน ก็เป็นเรื่องของการทำงานนะครับ ผมก็ยืนยันว่าเวลาที่ผมเลี้ยงลูก เวลาที่ผมมีความสุขอะไรต่างๆ เนี่ยผมเชื่อว่าผมก็ทำหน้าที่ของพ่อที่ดี แล้วก็ไม่ได้ต้องการสร้างภาพว่าเป็นแฟมิลี่แมน หรือว่าอะไร ก็มีเจตนารมณ์ว่าอยากจะมีชีวิตครอบครัวที่ดี และสมบูรณ์อยู่แล้ว"

"แต่ตอนเนี้ยะข่าวที่ออกมาว่าเตียงหัก ข่าวที่ออกมาว่ามีมือที่สาม ผมรู้สึกว่ามันแรงเกินไปสำหรับผมนะครับ โดยส่วนตัวแล้วเตียงยังไม่ได้หักนะครับ แล้วก็มันเป็นเรื่องของอย่างที่บอกว่าเป็นครอบครัวธรรมดา มีทุกข์ มีสุข มีปัญหาบ้าง มันก็มีปัญหามากเรื่อยๆ ถามว่ามีใครมาถามไหม ก็ไม่มีใครถาม แล้วผมก็จำเป็นต้องไปบอกใครไหม ก็ไม่จำเป็นใช่ไหมครับ ฉะนั้นการที่มีปัญหาเรื่อยๆ เราก็ปรับตัวกันมาเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องของครับครัวเรา"

"ต้องแยกก่อนว่า คือตัวผมเองกับตุ๊กนี่คือหนึ่งครอบครัวนะครับ คือเราจะมีปัญหาอะไรกันก็แล้วแต่ ก็จะมีแค่สองคน ผมไม่อยากให้ทุกคนสื่อมวลชนนะครับ ทุกฝ่าย ทุกแขนง หรืออะไรก็แล้วแต่ไปดึงคนที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากว่า ผมเข้าใจในฐานะที่ผมเป็นสื่อมวลชนเองเนี่ย ประเด็นมันน่าสนใจนะครับ"

"เนื่องจากว่าคนที่ผม...ที่ว่าเป็นมือที่สามหรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ย น้องโมเนี่ยก็คือดูน่าสนใจด้วย โปรไฟล์ดี หรือว่าด้วยอะไรต่างๆ เพราะฉะนั้นผมขอปฏิเสธว่าอย่าเอาบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะว่าเค้าก็มีชื่อเสียงในสังคม มีหน้ามีตาในสังคมแล้วก็มีพ่อมีแม่ที่รักและเป็นห่วงนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยการที่เราพูดอะไร แล้วไปทำร้ายใคร ทำให้เค้ารู้สึกไม่มั่นใจในชีวิต ทำให้เค้าสูญเสียอิสระภาพ หรือว่าทำให้คนเข้าใจผิด ในการมองอีกฝั่งหนึ่งมือที่สาม ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายอย่างผมไม่ควรทำ"

"สนิทกันจริงครับ ก็พูดคุยกัน ผมว่าการที่ผมสนิทกับ... มันอาจจะเป็นเรื่องที่แปลกก็ได้ ไม่รู้ว่ามาสนิทกันตอนไหนใช่ไหมครับ ผมเล่าเลยแล้วกันครับ ก็ทำงานของอีเว้นท์ฮั่วเซ่งเฮงนะครับ ก็ไปทำพิธีกรกับคุณตุ่ย พุทธชาติ เนื่องจากว่ามันก็เป็นงานที่สนุกสนาน เป็นงานเลี้ยงแซยิด 60 ปีฮั่วเซ่งเฮงนะครับ ผมก็ทำหน้าอย่างเต็มที่"

"แล้วก็ในงานวันนั้นก็จะมีทั้งญาติของทางฝั่งของน้องโมด้วย ทั้งพี่บิ๊ก พี่เปี๊ยก อะไรก็แล้วแต่เนื่องจากว่ามีโอ๋ ภัคจิรา อยู่แล้ว ก็สนิทกันได้เร็ว หลังจากงานนั้นก็จะมีโอกาสคุยงานกันอย่างต่อเนื่องว่าถ้าเกิดมีงานอะไรอีก หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นเรื่องของงานมากกว่า ฉะนั้นเนี่ยผมไม่ทราบว่าข่าวมาได้อย่างไร พอข่าวมาเป็นแบบนี้ผมก็จะบอกว่าที่มาที่ไปมันคืออะไร เพราะบางคนก็สงสัยว่ารู้จักกันได้ยังไงครับ"

"ผมคิดว่าถ้าเกิดผมจะทำอะไร ตัดสินใจอะไรในครอบครัวมันต้องชัดเจนนะครับ แล้วก็ผมก็เป็นหัวหน้าครอบครัวนะครับ วันหนึ่งถ้าเกิดผมทำอะไรต่างๆ เนี่ย สิ่งที่ผมจะต้องคิดมากที่สุดก็คือลูกสองคน ณ วันหนึ่ง คือตอนเนี้ยะก็อาจจะยังไม่รู้เรื่อง ไร้เดียงสา แต่วันนึงถ้าเกิดเค้าโตขึ้นมา อ่านหนังสือได้ ข่าวก็ยังเป็นข่าวครับ เค้าก็ยังสามารถย้อนกลับมาดูได้ แต่ถ้าเกิดผมจะพูดอะไร หรือตัดสินใจอะไรไปเนี่ยต้องดีที่สุดสำหรับเค้าครับ"

พอมีข่าวนี้ออกไป ได้มีการพูดคุยกับโมไหม? "พูดคุยสิครับ เพราะว่าเนื่องจากว่าเรารู้จักกันนะครับ ก็พูดว่ามันเป็นแบบนี้นะ ขอโทษด้วยที่โมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะครับ ข่าวนี้เนี่ย คือทางนู้นเค้าบอกว่าเค้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ก็ช่วยชี้แจงด้วยครับ"

กับทางตุ๊กล่ะ? "ผมก็คุยกับตุ๊กว่าผมจะชี้แจงแบบนี้แหล่ะ บอกว่าทุกทีที่ผ่านมาก็ไม่ได้คุยว่ามีปัญหาอะไรกัน คงจะต้องคุยแล้วล่ะ เพราะเราก็เป็นครอบครัวธรรมดาที่มันก็ต้องกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมชาตินะครับ (ตุ๊กเข้าใจ?)ไม่มีอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้ามีปัญหาก็เป็นปัญหาผมกับตุ๊กครับ"

ข่าวนี้กระทบอะไรไหม? "กระทบแน่สิครับ ผมไม่เคยมีชีวิตต้องมานั่งให้สื่อสัมภาษณ์ขนาดนี้ ด้วยเรื่องอย่างนี้ครับ (ก่อนหน้านี้ทะเลาะอะไรกันบ้าง?)เป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ เรื่องของการทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาครับ แต่ถามว่าหนัก น้อยแค่ไหน ผมขออนุญาติเพราะว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว แล้วก็ผมขออนุญาติไม่พูด เพราะว่าหนึ่งผมก็เป็นผู้ชาย ถ้าเกิดพูดไปว่าทะเลาะกับตุ๊กเรื่องอะไร ใครไม่ดี ใครถูกใครผิด มันก็ไม่สมควรครับ"

แต่ไม่ได้ทะเลาะเรื่องมือที่สาม? "ยืนยันนะครับว่าไม่ได้เกี่ยวกับมือที่สาม กรุณาอย่าเอาบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะว่าจะทำให้เรื่องไปใหญ่ไปโตนะครับ"

เคยมีไปไหนมาไหนกับโมไหม? "ก็มีไปกินข้าวกัน คือไม่ได้ไปคนเดียว หรือว่าไปสองคนกับโมอยู่แล้วนะครับ ก็มีแบบพี่ชายเค้า แต่ด้วยภาพผู้หญิงผู้ชายด้วยมั้งครับผมว่า น่าจะถูกมองว่าแบบว่าไปกันสองคนหรืออะไรก็แล้วแต่"

"ก็ ณ วันนี้อย่างที่บอกว่าเวลามีปัญหาผมก็พยายามปรับตัวให้มันดีที่สุดอยู่แล้วนะครับ คำว่าครอบครัวหรือว่าลูกเนี่ยผมคิดว่าน่าจะสำคัญที่สุดในชีวิตของผมกับตุ๊กนะครับ เราสองคนก็จะทำหน้าที่พ่อและแม่ให้ดีที่สุด ถามว่าตอนนี้ผมพยายามแก้ปัญหานะครับ ถามว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ไม่ทราบ ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ ถ้าเกิดพูดไปปุ๊บวันนึงเป็นอะไร ยังไงก็แล้วแต่ คือมันไม่ได้แย่มาก มันก็ไม่ถึงขนาดที่ว่า คือ ณ วันนึงเนี่ยมันเกิดอะไรขึ้นก็ได้ เพราะว่าอนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนนะครับ"

เห็นมีเรื่องผู้ใหญ่มาเกี่ยวข้องด้วย? "อันนี้ผมตลกมาก นอกจากแปลกใจใช้คำว่าตลกมันก็ดูน่าหมั่นไส้ คือว่าแปลกใจมากผู้ใหญ่เกี่ยวข้องอะไร การที่เราดึงผู้ใหญ่มาซึ่งก็บอกแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ทางฝ่ายไหนก็ตามนะครับการที่ดึงมาด้วยเรื่องแบบนี้ผมคิดว่าไม่สมควรที่จะดึงผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วก็ยืนยันแล้วว่าความสัมพันธ์ผมกับโม ก็เป็นคนรู้จักกันครับ"

ณ ตอนนี้ถือว่ายังเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์อยู่? "ก็ผมจะกลับบ้านทุกวันครับ ชีวิตผมก็ เลี้ยงลูก เล่นเวท ทำงานครับ (ไม่ชัดเจน?) เหมือนกับว่า ณ วันนึงเนี่ยคือเวลาเรามีปัญหาอะไร ผมเชื่อว่าแต่ละคนก็เคยมีปัญหากันนะครับ เวลาเรามีปัญหาเราไม่รู้ว่าเราจะแก้ปัญหาอย่างไร ก็ต้องแก้กันไปทีละจุด โดยเฉพาะถ้าเกิดผมพูดในวันเนี้ยะ ข่าวมันจะง่ายมากเลยถ้าเกิดผมบอกว่ายังรักกันดี แต่คือผมไม่อยากโกหกความรู้สึกตัวเอง ก็แค่บอกว่าตอนนี้ก็มีปัญหาเท่านั้นเองครับ ต่อไปผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด โดยยืนบนพื้นฐานของความถูกต้อง แล้วก็ความเหมาะสม"

ในข่าวแรงถึงขั้นว่าตอนนี้บ๊วยหลงโมมาก? "ผมตอบยากมากเลยพี่ พี่ถามง่ายนะครับบ๊วยหลงโมมาก คือมันตอบยากมาก คำว่าหลงคือเราคิดว่ามันน่าจะเป็นของคนที่คบกันมากกว่า ผมกับโมไม่ได้คบกันครับ"

ตุ๊กเครียดจนเข้าโรงพยาบาล? "ครับ ก็ผมเป็นคนพาเข้าโรงพยาบาลเองครับ (เครียดกับข่าวนี้หรือเปล่า?)ผมไม่ทราบ ก็ปวดหัว ตัวไม่ได้ร้อนมาก เหมือนจะอาเจียนอะไรอย่างนี้ก็พาไปโรงพยาบาล ทานยา มียาฆ่าเชื้อเผื่อรับประทานอะไรที่ไม่ค่อยดี ก็ปรึกษาคุณหมอว่ายาฆ่าเชื้อรับประทานเข้าไปมีผลต่อลูกไหม กระทบทางน้ำนมไหม ก็ดูแลกันไปแบบนี้ครับ"

เป็นเพราะตุ๊กป่วย ไม่ได้เกี่ยวกับหลบสื่อ? "ไม่ได้เกี่ยวกับว่ากลัวสื่อมวลชน ถ้าเกิดผมกลัวผมก็ไม่ได้มานั่งตรงนี้ เพราะว่าผมคิดว่าผมบริสุทธิ์ใจผมก็มานั่งพูดคุยดีกว่า (แคนเซิ่ลงานวันนี้ด้วย?) คนป่วย คือผมพูดไปเชื่อไม่เชื่อเป็นหน้าที่ของคนอื่นแล้วกันนะครับ หน้าที่ของผมคือพูดจากความรู้สึก แล้วก็พูดจากความจริงที่ผมเจอก็คือว่าตุ๊กป่วยจริงครับ ผมพาไปโรงพยาบาลจริง ไม่ไหว เพราะเค้าต้องดูแลลูก ผมคิดว่าไม่ควรไป"

เรียกว่ายังอยู่ในขั้นตอนของการตัดสินใจว่าจะยุติความเป็นสามีภรรยา หรือว่าจะยังเป็นครอบครัวอยู่ ปรับตัวอยู่? "ทุกวันนี้ผมก็กลับบ้านครับ (คือพยายามทำให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม?) ผมเชื่อว่าเวลาใครที่มีครอบครัว ไม่อยากจะเลิกหรอกครับ แล้วก็อะไรต่างๆ ก็คงต้องตัดสินใจหลายๆ อย่างนะครับ ถามว่าวันนี้ฟังมันอาจจะดูแย่มาก วันรุ่งขึ้นมันอาจจะไม่เหมือนอย่างนี้ก็ได้ครับ เนื่องจากว่าผมเองก็พูดในภาวะที่นอนไม่หลับ แล้วก็เครียด"

จากข่าวบอกว่าขอโมแต่งงานด้วย? "ก็คงเป็นไปไม่ได้นะครับ เพราะว่าตั้งแต่แรกว่าผมพูดในกรณีของครอบครัวๆ หนึ่ง ผมไม่ได้หมายถึงผมนะครับ ถ้ามีปัญหาครอบครัวแล้วหย่าร้าง แล้วอยู่ๆ จะกระโจนไปแต่งงานใหม่เลยเหรอครับ ผมคิดว่ามันก็ พูดเลนก็ไม่น่าถาม คือผมว่ามันเป็นไปไม่ได้ครับ การที่เป็นเพื่อนกัน ไปขอแต่งงานเพื่อนมันประหลาดครับ"

ต่อไปนี้จะจัดการกับชีวิตอย่างไร? "ง่ายๆ ว่าผมก็เป็นมนุษย์ธรรมดามีทั้งความสุข และความทุกข์ครับ (ความัรกตอนนี้ที่มีต่อตุ๊ก ลดน้อยลงไปไหม?) โอ้โห เป็นคำถามที่... ถามว่าผมไม่เคยโกรธตุ๊ก ไม่เคยบอกว่าไม่รักตุ๊กนะครับ ผมไม่เคยบอกว่ารักน้อยลงหรือว่าอะไร ไม่เคยพูดนะครับ ณ วันนี้ผมเชื่อว่าเวลาใครคบกัน ครอบครัว แฟน หรืออะไรก็แล้วแต่คนเราเปลี่ยนไปทุกวันครับ อยู่ที่ว่าจุดประสงค์ของชีวิตเราคืออะไร ตอนนี้ผมกับตุ๊ก ผมเชื่อว่าเรามีเป้าหมายเดียวกันคือเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดครับ"

อยากบอกอะไรไหม? "ก็ขอบคุณที่สนใจ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจครับ ผมก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ"
ที่มา MThai.com



ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก