วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ครอบครัวสุขสันต์ของ “แหม่ม-คัทลียา”นักแสดงที่ไม่ยึดติด เพราะทุกสิ่งเป็นวัฏจักร

ครอบครัวสุขสันต์ของ “แหม่ม-คัทลียา”นักแสดงที่ไม่ยึดติด เพราะทุกสิ่งเป็นวัฏจักร
ห่างหายจากหน้าจอทีวีไปนาน จนแฟน ๆ คิดถึงถามไถ่กันมาเยอะว่า นางเอกสาวชื่อดัง “แหม่ม-คัทลียา กระจ่างเนตร์” หายไปไหน และกำลังทำอะไรอยู่ วันนี้เราก็เลยนัดคุยกับเธอ ที่บริษัทลักษ์ฯ ย่านทาวน์อินทาวน์ ถามทุกเรื่องที่อยากรู้ เจ้าตัวบอกโอเคเลยค่า...ชีวิตแฮปปี้สุด ๆ ก็เลยอยากบอกต่อใช่แมะ.. (จัดหนักไปเลยงานนี้)

พูดถึงครอบครัว อยากให้พูดถึงลูกชายสองหน่อ “แมค-สิริ” และ “คิน-สยาม” เป็นยังไงบ้าง “อยากจะบอกว่าน่ารักมาก...ก ที่สุดในโลก เป็นสองพี่น้องที่รักกันมาก


น้องคินก็รักพี่มากคือแสดงออกเห็นชัดเลย พี่ก็รักน้องแหละ แต่ว่าโต ๆ ไงก็เลยไม่ค่อยแสดงออกมากมีเขิน ๆ บ้าง แต่ว่าก็เริ่มจะปรับตัวดีขึ้น” มีแต่ลูกชายยังไม่มีลูกสาวเลย? “มีนะ ลูกสาวมี เดี๋ยวคงมาเดี๋ยวจัดให้ค่ะ” (หัวเราะร่วนเชียว) แสดงว่ารออยู่? “มีอีกซักคนก็ดีนะ เพราะมีคนเชียร์เยอะมาก เชื่อมั้ยสมมุติเจอร้อยคน ร้อยคนก็บอกว่าให้มีลูกสาวอีกคน จะได้ครบทั้งลูกชายลูกหญิง” ใจจริง...อยากมีมั้ย? “ใจก็อยากมีนะ เพราะว่าเราไม่เคยมีไง พอเรามีลูกชายสองแล้วเนี่ย ใจก็นึกว่าเออ (ทำท่าคิด) มีผู้หญิงดีมั้ย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันคงค่อย ๆ ดูไป ไม่ได้รีบไม่ได้กะเกณฑ์ชีวิตอะไรมากขนาดนั้น คือถ้าเค้าจะมาก็คงมาเอง”

แล้วสามี “บีบี๋-สงกรานต์” อยากมีลูกสาวมั้ย? “คนนั้นน่ะเค้าก็อยาก...ก มี แต่ในขณะเดียวกันเค้าก็ไม่อยากมี งงมั้ย (หัวเราะ) คือปกติผู้ชายก็อยากมีลูกสาวอยู่แล้ว แต่เค้าก็จะกลัวสังคมสมัยนี้ว่า ถ้าเค้าจะต้องมีลูกสาวจะออกแนวต้องเครียดต้องกังวลเยอะแน่นอน เพราะโลกตอนนี้มันมีสิ่งยั่วยุให้ไปในทางที่ผิดเยอะ แล้วผู้หญิงก็เสียเปรียบง่ายกว่าผู้ชาย คือประมาณลูกเป็นผู้ชายเค้าก็ยังไม่ห่วงเท่าผู้หญิง”

ตอนนี้มีสมาชิกเพิ่มเป็นน้องวิน (ลูกวิลลี่) อีกคนเป็นยังไงบ้าง เหมือนเป็นสามทหารเสือเลย? “ใช่ ๆ กลายเป็น 3 หนุ่มก็โอเคนะ เท่ดี แต่วินเค้ายังเล็กจิ๋วมาก เราก็ยังอะไรมากไม่ได้ไง ยังเล่นด้วยไม่ได้เพราะยังเบบี๋มาก น้องแมคก็ได้แต่ไปอยู่ใกล้ ๆ เปลน้อง แล้วก็จับแขนน้องเบา ๆ ยังเล่นหรืออะไรกับวินไม่ได้ ส่วนคินไปถึงน้องวินปุ๊บ คงเห็นน้องเป็นเหมือนตุ๊กตาก็จะเอานิ้วตัวเองไปจิ้มตาน้องบ้าง ซึ่งจริง ๆ ทำไม่ได้ไงเพราะบางครั้งตาน้องเค้าก็จะเปิดบ้างหลับบ้างแล้วแต่เค้าเลย แต่ถามว่ามองเห็นชัดอะไรยังไม่ซะทีเดียว” ตอนนี้มีสามพาร์ท...สามสไตล์ ฝรั่ง จีน ไทย? “เออใช่ชัดเจนมาก แมคไทย คินตี๋ วินฝรั่ง เป็นหนุ่มสามแบบสามสไตล์ แต่น้องวินยังดูไม่ออกมากแต่มีแววเป็นฝรั่งนะ เพราะว่าถ้าพูดถึงเชื้อชาติแล้วน้องวินก็เท่ากับเป็นลูกครึ่ง เพราะพี่เยลหลีเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสครึ่งไทย ส่วนพี่วิลลี่ครึ่งอังกฤษครึ่งไทย ฉะนั้นลูกออกมาก็ครึ่งอยู่ดี แต่ว่าสัดส่วนของความเป็นต่างชาติที่เป็นยุโรปก็ครึ่ง น้องวินเนี่ยก็ครึ่ง หนึ่งส่วนสี่เป็นอังกฤษ หนึ่งส่วนสี่เป็นฝรั่งเศส ก็เท่ากับลูกครึ่ง ส่วนแมคกับคินนี่เป็นลูกเสี้ยว”

น้องแมคดูเป็นหนุ่มไทย? “ใช่ ๆ เวลาเดินไปไหนก็จะมีคนชมว่าลูกหล่อลูกน่ารัก แม่ก็ชอบ...บ มีคนชมลูกเราคนเป็นแม่ก็ปลื้มอยู่แล้วล่ะ แต่น้องแมคเป็นเด็กแสบนะ ทำแม่ปวดสมองลับสมองกับแม่ทุกวัน เถียงกันทุกวัน เค้าจะเป็นตัวของตัวเองจะมีคำถามเยอะ ทำไมจะต้องยังงี้แล้วทำไมจะต้องแบบนั้น จะไม่ยอมทำตามง่าย ๆ จนบางทีแม่ต้องดุ บางครั้งก็เรียกเราว่าทำไมคุณแหม่มต้องงั้นต้องงี้ ไม่เรียกแบบแม่แม่และ เรียกคุณแหม่มแทนเลยนะ ประมาณว่าพอถูกแม่ดุหน่อยปุ๊บ แมคจะเปลี่ยนสรรพนามการเรียกแม่ในทันทีเลย แล้วมีมางอนด้วยว่าทำไมคุณแหม่มต้องดุด้วยล่ะ แสบไหมล่ะ แม่ก็โอ้โหสิก็ต้องบอกเค้าคุยกะเค้าว่า แมคคะแม่ไม่ได้อยากจะพูดเสียงดังนะคะ แต่รู้ใช่มั้ยว่าทำไมแม่ต้องพูดเสียงดัง”

“ยกตัวอย่างเรื่องอาบน้ำแม่เรียกแมคไปอาบน้ำ แม่ต้องเรียกแมคไปอาบน้ำหนนี้เป็นหนที่สี่แล้ว พูดมาสามสี่หนแล้ว เรียกธรรมดาเนี่ย แมคไม่ไป พอเรียกหนที่สี่แม่ก็ต้องเสียงดัง เค้าก็พูดกลับนะว่าแมคยุ่งอยู่ทำงานอยู่อ่ะ เราก็งงนะ ตัวแค่นี้มีงานยุ่ง แม่ก็ถามเค้าว่าทำอะไรอยู่อ่ะ แมคบอกแกะช็อกโกแลตอยู่ เราก็เอ๊ะ! ช็อกโกแลตนี่คือการทำงานด้วยเหรอ งง ๆ รบกับลูกมีอะไรให้คิดเยอะต้องครีเอทเยอะ คือแหม่มรู้สึกว่าเค้าคงอยู่ในช่วงการเก็บทุกอย่างเข้าสมองหมด ไม่ว่าใครจะทำอะไรเพราะฉะนั้นเวลาเรากำลังทำอะไร แล้วแมคเค้าเรียก เราก็จะบอกเค้าว่าแมค ๆ อย่าเพิ่งนะยุ่งอยู่ แม่กำลังทำงาน เค้าคงนึกว่าเออถ้าเค้าแกะช็อกโกแลตอยู่ ก็คงเป็นการทำงานของเค้า ซึ่งจริง ๆ แหม่มว่าเค้ารู้นะว่าการแกะช็อกโกแลตไม่ใช่การทำงานหรอก แต่เค้าเอาคำพูดของเรามายอกย้อนแม่ไง”

มีเตรียมอะไรให้ลูกบ้าง เพราะเด็กสมัยนี้พัฒนาการเร็วมาก? “คือไม่ได้วางอนาคตจนถึงปริญญาตรีปริญญาเอกอะไรขนาดนั้น ไม่แพลนอะไรล่วงหน้านาน ๆ แต่ว่าคงเป็นคร่าว ๆ ได้ ก็คิดนะว่าถ้าถึงจุดนึง ก็คงส่งเค้าไปเรียนโรงเรียนประจำ เพราะอยากให้เค้าดูแลตัวเองได้ ดูแลตัวเองเป็น คือหนึ่ง...โรงเรียนมันก็น่าสนใจและการไปอยู่เองอะไรเองเค้าก็จะได้โตขึ้นช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ก่อนจะถึงจุดนั้นเราก็ให้เวลาเค้าเยอะที่สุด ในฐานะพ่อแม่เท่าที่จะให้ได้”

มีโอนเอียงมาชอบด้านการแสดงมั้ย? “แววการแสดงเป็นศูนย์ค่ะ(หัวเราะ) หมายถึง ณ ขณะนี้ถ้าถามปัจจุบัน ณ วันนี้เวลานี้นะ ไม่มีแววเลย คือถ้าเค้าอยู่บ้านเค้าก็เล่นทะเล้นไปเรื่อย มีเพลงก็เต้นเติ้น ทำท่าเตะบอล หรือทำท่าเต้นเหมือนนักร้องคนนั้นคนนี้อะไรอย่างเงี้ย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เค้าก็ไม่เอา อย่างวันก่อนพาไปดูบั้บเบิ้ลโชว์เค้าก็มีแบบให้เด็กยกมือขึ้นไปร่วมบนเวที แมคนี่เก็บเงียบกริบไม่หืออือไม่เอาเลย เค้าบอกไม่เอาแมคไม่ชอบไม่ขึ้นไปนะ อยากอยู่เงียบ ๆ แล้วเอ็นจอยกับอย่างอื่น แต่ว่าถ้าเรื่องเล่นกีฬากับเพื่อนแมคเต็มที่”

ถามแบบจริงจังเลยว่า ชีวิตคาดหวังอะไรอีกมั้ย? “เราก็พอเพียงกับสิ่งที่มีอยู่นะ เราไม่ได้มีมากเหมือนใครอีกหลายร้อยล้านคน แต่สิ่งที่เรามีก็คือแฮปปี้มาก สำคัญที่สุดคือครอบครัว ทำให้ยิ่งรู้ซึ้งเลยว่าสำคัญสุดคือความรักความอบอุ่นของพื้นฐานครอบครัวที่ดี มันจะนำพาไปทางที่ดีในทุก ๆ เรื่องแล้วก็จิตใจคนก็จะดี แหม่มมาจากครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่รักกัน พี่น้องรักกัน เพราะฉะนั้นเวลาเจอปัญหาเราก็ต้องแก้ให้มันผ่านไปให้ได้ แต่ในขณะนี้สิ่งที่พูดถึงความคาดหวังก็คงอยากให้ลูกมีความสุขกับชีวิต มีความสุขกับชีวิตครอบครัวประสบความสำเร็จกับชีวิตเค้า เห็นเค้าเจริญก้าวหน้าในเรื่องของจิตใจ ในเรื่องการทำงาน ไม่ตั้งความหวังมากความสุขทางใจมันเป็นพื้นฐานที่แข็งแรงที่สุดแล้ว มันก็จะนำพาเค้าไปสู่ความสุขอื่น ๆ ได้ ถ้ามีอย่างอื่นหมดแต่ความสุขทางใจไม่มี กลวงอยู่ข้างในเนี่ย ต่อให้มีเงินร้อยล้านพันล้านมันก็ไม่มีความสุข”

ตอนนี้ครอบครัวสังคมไทยเริ่มเปลี่ยนไป คนที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันดูยากขึ้น “แหม่ม” รู้สึกยังไง “มันก็จริงเพราะว่าคนเริ่มแบบเป็นตัวของตัวเองเยอะมากขึ้น เริ่มคิดว่าชั้นก็ไม่ต้องง้อเธอ เธอก็ไม่ต้องง้อชั้น แต่ว่าเรายังอยู่ในยุคเก่าและใหม่รวมกัน คือไม่ได้อยากใช้คำว่าอดทน แต่ว่าทุกอย่างมันต้องอดทนมีความเอื้ออาทร มีพื้นฐานสิ่งดี ๆ ที่คิดเห็นตรงกัน เช่นคนจะมาอยู่ด้วยกันอย่างน้อยพื้นฐานต้องรักกัน เพราะครอบครัวบางครั้งลิ้นกับฟันกระทบกัน มันคือสิ่งที่คนโบราณเค้าพูดมาหมดอ่ะ มันใช่หมด นั่นคือผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนเค้าถึงเตือน มันต้องมีอารมณ์แบบผู้หญิงคนนี้ประจำเดือนมาอารมณ์หงุดหงิด ถ้าเรารักกัน ผู้ชายก็จะเข้าใจว่าฮอร์โมนมันเป็นแบบนี้นึกออก แต่ว่าจริง ๆ ลึก ๆ เค้ารักเรา เค้าไม่ได้มีเจตนาจะขึ้นเสียงใส่มันก็จะอยู่ได้รอด หรือผู้ชายเครียดเรื่องงานมาภาระเค้าหนักอึ้งกว่าเราเยอะ เพราะว่าเค้าเป็นผู้นำครอบครัวเค้าต้องเป็นเหมือนหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ที่จะต้องนำพาครอบครัวไปได้เหมือนเป็นกัปตันเรือ ความหนักอึ้งเค้าจะหนักกว่าเรามาก เพราะฉะนั้นบางทีเวลาเจออะไรเครียด ๆ มาแล้วเค้าไม่ตอบ หงุดหงิดใส่ เราก็เงียบเพราะเดี๋ยวอารมณ์เย็นค่อยมาพูดกัน ต้องคิดเผื่อนะ”

“แหม่ม” กับ “บีบี๋” มีอะไรที่เหมือนและต่างกันบ้าง? “แนวความคิดเนี่ยจะคล้าย ๆ กัน ระบบหรือหลักการในการใช้ชีวิต พี่บีบี๋เค้าก็จะคิดเหมือนแหม่มว่าการอยู่ด้วยกัน หรือการให้เวลากันสำคัญที่สุดไม่ว่าจะสามีภรรยาหรือกับลูกอันนี้ล่ะสำคัญ ต่อให้มีอะไรมากมายมีบ้านหลังใหญ่แต่ว่าโหรงเหรงเชียว หรือว่ามีรถคนละคันแต่ต่างคนต่างขับอะไรแบบนี้หลักการ การใช้ชีวิตเราจะคล้าย ๆ กัน แต่บางอย่างโอเคเค้าก็จะเป็นคนอารมณ์ร้อน จริงนะ ร้อนเลยแหละ เป็นคนแบบโมโหง่าย โกรธง่ายแต่หายเร็ว ซึ่งแหม่มก็เป็นคนอารมณ์ร้อน แต่พอมาอยู่กับเค้าแหม่มกลายเป็นคนอารมณ์เย็น เราก็แบบเออให้เค้าร้อนไป เราเย็นแทนละกันจะได้อยู่กันได้ ถ้าทำเหมือนขั้วบวกกับขั้วบวกชนก็พัง แต่ว่าบีบี๋เค้าเป็นคนจิตใจดีซึ่งอันนี้ก็สำคัญ คือเป็นคนขี้สงสาร เห็นใจคนที่ด้อยกว่า ไม่ดูถูกคนที่แย่กว่า แนวคิดหลักการแบบเนี้ยคล้าย ๆ กันกับแหม่มไม่งั้นอาจจะอยู่ลำบาก แล้วเค้าก็เป็นคนชอบช่วยเหลือชอบทำบุญ เราก็รู้สึกว่าโอเคว่าเรามีครบแล้ว เราก็แบ่งปันไปให้คนอื่น ๆ ตรงนี้เรามีทัศนคติเหมือนกันเลยอยู่กันได้นาน และบางส่วนที่เค้าไม่มีเราก็มาช่วยส่งเสริมบางส่วนที่เราไม่มี เค้าก็มาช่วยเสริมช่วยเติมเต็มกันแต่มันก็ไม่ถึงกับครบสิบหรอก คือถ้าจะพูดว่ามันครบสิบ มันก็ดูจะเพอร์เฟกต์เกินไปแต่ว่าเราก็พร้อมที่จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน เราก็ไม่ใช่คู่ที่เพอร์เฟกต์คู่ที่แบบโอ้โหเต็มร้อย เราก็ยังเป็นคู่ธรรมดาคู่นึง ปกติแหละเราก็แฮปปี้กับสิ่งที่เป็นสิ่งที่มี”

อัพเดทเรื่องงานหน่อย? “ตอนนี้แหม่มทำรายการคู่กับ อ้น-ศรีพรรณ ชื่อรายการ...คำถามคือ? ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ 12.00 –13.00 น. ทางช่องสาระแนแชนแนล เป็นรายการแนวสบาย ๆ ใครอยากรู้อะไร เราจะไปหาคำตอบมาให้ตามคอนเซปต์ที่ว่า “เพราะเรามีคำตอบ แค่คุณบอก...คำถามคือ?” กับอีกรายการหนึ่งเป็นรายการสด คุยอย่างเฮีย มีทุกวันจันทร์-ศุกร์ 4 โมงเย็น-5 โมงครึ่ง จัดสลับกับพี่วิลลี่ เปิ้ล หอย ส่วนงานบริษัทลักษ์ 666 แหม่มดูเรื่องการตลาด เรื่องลูกค้า ฝ่ายบุคคล ดูความเรียบร้อยในออฟฟิศด้วยความที่แหม่มเป็นคนเจ้าระเบียบ บางทีตรงนั้นสกปรกตรงนี้ไม่เรียบร้อยก็ต้องจัดการเหมือนเป็นแม่บ้านประจำบริษัท แต่โดยรวมทุกคนช่วยกัน เพราะบริษัทเราดูแลกันเหมือนคนในครอบครัวเหมือนบ้าน”

ด้านการแสดงล่ะ...ไม่เห็นเล่นละครนานแล้ว? “ยอมรับยังคิดถึงงานละครอยู่นะคะ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าต้องเล่นหรืออะไร ถ้ามีติดต่อเข้ามาบทเหมาะกับแหม่มก็ยินดีค่ะ แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่มีใครติดต่อมา เพราะแหม่มเกิดมาจากการแสดง ถ้ามีก็เล่นแต่ก็อาจจะขอดูบทนิดนึงว่าเหมาะกับเรามั้ย เวลาเราได้มั้ย คือต้องดูปัจจัยหลายอย่าง เพราะเรามีครอบครัวต้องดูแลด้วยเหมือนกัน ต้องแบ่งเวลาให้เป็น” ยึดติดกับบทแค่ไหน? “สำหรับแหม่มทุกบทสำคัญหมด แต่ก็ต้องยอมรับในความเป็นจริงว่า สำหรับบ้านเราหลาย ๆ อย่างไม่เหมือนต่างประเทศ ถ้าเป็นเมืองนอกดาราที่อายุเยอะ ก็สามารถเป็นพระเอกนางเอกได้ ดาราดัง ๆ บางคนก็ไม่ได้เล่นเป็นพระเอกนางเอกเสมอไป อยู่ที่ว่าบท บท นั้นน่าเล่นมั้ย มีความน่าสนใจมีเสน่ห์ดึงดูดมั้ย แต่แหม่มก็ไม่ได้ยึดติดความเป็นนางเอกไม่ได้คิดมากอะไร คนเราต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงยอมรับความจริง ไม่มีใครจะดังได้ตลอด เป็นนางเอกได้ตลอดชีวิต ทุกคนเหมือนวงจรชีวิตมีการหมุนไปเรื่อย ๆ มันเป็นวัฏจักรแหม่มก็ผ่านจุดเปลี่ยนชีวิตมาเยอะแล้ว”

เนื้อที่หมดพอดี หวังว่าคงจะถูกแฟน ๆ ที่คิดถึง “แหม่ม-คัทลียา” นะจ๊ะ.

ปรางค์ ปิ๊กมี่
ที่มา เดลินิวส์



ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก