วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

“นาธาน” ช่างกล้า! ส่งคนเจรจาขอขมา-ขอกลับมาอยู่กับ “น้ามด-ครูแหม่ม” แต่โดนปฏิเสธ

“นาธาน” แห้วรับประทาน! หลังส่งคนเจรจาอยากขอขมา “น้ามด-แม่ครูแหม่ม” แต่โดนปฏิเสธ ด้าน “แม่ครูแหม่ม” ยืนกรานไม่ให้อภัย เพราะยังเสียความรู้สึกกับสิ่งที่นาธานทำกับครอบครัว ทั้งที่รักเหมือนหลานแท้ๆ ขณะที่ “น้ามด” บอก ให้อภัยได้ แต่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่ก่อไว้ เจ้าตัวช่างกล้า เอ่ยปากขอกลับมาอยู่ด้วยหลังพ้นคุก
อ้างไม่มีที่ไป
"นาธาน" ในสภาพนักโทษเรือนจำ
ตั้งแต่ถูกตัดสินให้จำคุก 1 ปีในคดีฉ้อโกงเงิน “น้ามด สิทธิพร โคตรอุดมพร” จำนวน 7 แสนกว่า ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ อดีตนักร้องจอมอื้อฉาว “นาธาน โอร์มาน” ถูกจองจำในเรือนจำจังหวัดเลย มาร่วม 5 เดือนแล้ว ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า นาธานได้ส่งคนไปเจรจากับ “น้ามด” รวมถึง “ยายไมตรี ศรีกระบุตร” แม่ของ “ครูแหม่ม พิสมัย” อดีตแม่บุญธรรม ถึงที่บ้าน โดยขอให้น้ามดและยายไมตรีเข้าร่วมกิจกรรมการขอขมาที่ทางเรือนจำจังหวัดเลยจัดขึ้น เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโครงการเชิงสมานฉันท์ของทางเรือนจำทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้นักโทษที่สำนึกผิด ได้ขออโหสิกรรมคู่กรณีที่ตนเคยทำร้ายไว้
"น้ามด" เหยื่อที่ถูก "นาธาน"
 หลอกเงินไปร่วม 7 แสนกว่า
ซึ่งกับประเด็นดังกล่าว “ยายไมตรี” ได้เปิดใจกับทีมข่าว “บันเทิงASTVผู้จัดการออนไลน์” โดยยอมรับว่าไม่สามารถทำใจให้อภัยได้ เนื่องจากยังไม่ลืมกับสิ่งที่นาธานทำกับครอบครัวไว้อย่าเจ็บแสบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้สินที่ก่อไว้ รวมถึงเรื่องที่หลอกให้ขายวัวทั้งคอกไปทำทัวร์จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว โดยเฉพาะที่เคยด่า “ตาทองใบ” สามีว่าเป็นคนบ้า ซ้ำยังใส่ร้ายว่าเป็นคนอำมหิตหักคอนกจนตายคามือ ทั้งที่ตาทองใบรักนาธานเหมือนหลานแท้ๆ ดูแลมาอย่างดีเสมือนลูกหลานคนหนึ่ง แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้ว หรือต่อให้อีกฝ่ายจะได้รับโทษที่ทำไว้แล้ว ยายไมตรีก็ยืนยันว่าไม่สามารถยกโทษให้อยู่ดี
ในขณะที่ “น้ามด” เผยว่ายอมให้อภัยได้ เพราะสงสารที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ยังไงนาธานก็ต้องคืนเงิน 7 แสนกว่าที่โกงไป เพราะทำให้ครอบครัวลำบากมามากแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะเดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรมที่เรือนจำจังหวัดเลยตามที่นาธานร้องขอ เนื่องจากต้องทำงานทุกวัน ที่สำคัญระยะทางจากเชียงคานไปเรือนจำก็ไกลกว่า 50 กิโลเมตร ซึ่งต้องนั่งรถประจำทางไป ซึ่งก็ค่อนข้างลำบาก ที่สำคัญทุกวันนี้ยังต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อหาเงินมาให้ทันใช้หนี้ที่นาธานโกงไป และยังเหลืออีกหลายแสนกว่าหนี้สินจะหมดได้ปลดแอก
"ยายไมตรี" แม่ครูแหม่ม
 อดีตแม่บุญธรรม "นาธาน"
ทั้งนี้ น้ามดยังบอกด้วยว่า นาธานฝากคนมาขอร้องว่า ถ้าหากพ้นโทษออกมาจะขอมาอยู่ด้วยเหมือนเดิมได้หรือไม่ เนื่องจากไม่มีที่ไปเพราะตัวเองไม่เหลือใครแล้ว ซึ่งกับเรื่องนี้ทั้งน้ามดและยายไมตรีได้ปฏิเสธไป เพราะเข็ดแล้ว ไม่อยากโดนหลอกเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง “นางพิมพ์บุญ พันสวัสดิวง” หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปเรือนจำจังหวัดเลย ในฐานะเจ้าหน้าที่โครงการ เพื่อสอบถามถึงรายละเอียดของกิจกรรมดังกล่าว รวมถึงชีวิตหลังเรือนจำของ “นาธาน” ว่าเป็นอย่างไรบ้าง นางพิมพ์บุญก็ได้เปิดเผยเรื่องกิจกรรมก่อนว่า…

“กิจกรรมนี้เป็นโครงการเชิงสมานฉันท์ของทางเรือนจำทั่วประเทศ เพื่อให้นักโทษที่สำนึกผิดได้มีโอกาสขออโหสิกรรมคู่กรณีที่เขาเคยทำร้ายไว้ เป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อประสานรอยร้าวของนักโทษกับคู่กรณี เนื่องจากเราเล็งเห็นว่าถ้าเกิดเขาสำนึกผิดแล้ว แต่ครอบครัวยังไม่ยอมรับและไม่ให้โอกาส ในวันที่เขาพ้นโทษออกไปแล้วโดดเดี่ยว โอกาสที่เขาจะทำผิดซ้ำมันมีสูงมาก เราจึงคิดว่ากิจกรรมนี้เป็นประโยชน์ที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้”

“ในส่วนของเรือนจำจังหวัดเลยได้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 ปีแล้ว ซึ่งจำแนกเป็น 2 ประเภท คือระหว่างผู้ต้องขังกับครอบครัว และผู้ต้องขังกับผู้ต้องขัง อย่างกรณีผู้ต้องขังกับครอบครัวก็เนื่องจากว่า ที่ผ่านมามีคดีที่คนในครอบครัวทำร้ายกันเอง อย่างเช่นเมายาแล้วทำร้ายคนในครอบครัว หรือข่มขืนคนในครอบครัวเป็นต้นค่ะ ซึ่งเราไม่จำกัดคดี แต่จะพิจารณาผู้ต้องขังที่สำนึกผิดและอยากขอโทษเป็นหลัก โดยทางเรือนจำจะเป็นสื่อกลางให้ ”

“ผู้ต้องขังสามารถสมัครแจ้งความประสงค์เข้ามา แล้วทางเรือนจำจะพิจารณาตามเงื่อนไขอีกที หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะประสานไปยังญาติ หรือคู่กรณีของผู้ต้องขังว่าจะรับคำขอโทษเข้าร่วมกิจกรรมหรือเปล่า อย่างถ้าเป็นกรณีผู้ต้องขังกับครอบครัว ก็จะประสานไปว่ายังโกรธแค้นอยู่หรือเปล่า หรือยังต้องการนักโทษเป็นคนในครอบครัวอยู่หรือเปล่า ทางครอบครัวยินดีจะปรองดองหรือเปล่า ถ้าไม่ตอบรับเราก็จะไม่มีการบังคับหรือกดดัน เพราะคนที่ไม่ตอบรับก็มี”

“อย่างนาธานเขาก็เข้ามาขอกับเรา ว่าอยากขออโหสิกรรมทางผู้เสียหาย นั่นก็คือคุณสิทธิพร รวมถึงครอบครับของแม่บุญธรรม แต่ของนาธานไม่ใช่ครอบครัวโดยสายเลือด แต่เขาบอกว่าเขาไม่มีใคร ที่ผ่านมาก็เคยอยู่กับครอบครัวนี้มา ก็นับถือเหมือนเป็นแม่เลี้ยง แต่ตอนมีเรื่องกันเขาไม่มีโอกาสได้ขอโทษ ซึ่งทางเราก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงาน ซึ่งทางคู่กรณีปฏิเสธมาเนื่องจากไม่สะดวก มีปัญหาเรื่องการเดินทางอะไรประมาณนั้นค่ะ ซึ่งนาธานเขาก็ผิดหวังนะคะ แต่ก็ไม่ได้เศร้ามาก”

“ตอนนี้เขาปรับตัวได้ดีมากๆ เลยค่ะ ดูสดใส เราเคยเห็นเขาในทีวี ตอนนี้ดูดีกว่าตอนอยู่ข้างนอกเยอะเลย เขาขาวขึ้นนะคะ เขาช่วยงานทางเรือนจำทุกอย่างนะคะ อย่างวันเสาร์-อาทิตย์เขาก็จะเป็นนักร้องร้องเพลงให้เพื่อนผู้ต้องขังฟัง ช่วยดูแลผู้ต้องขังสูงอายุคนชราเขาก็ทำได้ดี ช่วยทำความสะอาดสถานที่ต่างๆ เขาทำได้หมด ขัดห้องน้ำ ทำความสะอาดเรือนนอน ทุกคนจะมีเวรรับผิดชอบ เขาก็ทำโดยไม่เกี่ยงนะคะ ใช้ชีวิตเหมือนผู้ต้องขังคนอื่นๆ ทั่วไป”

“ตั้งแต่ต้องโทษมา ก็มีญาติมาเยี่ยมเขาบ้าง จากการสอบถามเขาก็บอกว่ามีคุณอากับคุณลุงมาเยี่ยม แต่เราก็ไม่ทราบนะคะว่าเป็นใครหรือเป็นญาติจริงหรือเปล่า เพราะเวลามีญาติมาเยี่ยมเขาจะต้องติดต่ออีกฝ่ายนึง แต่เขาบอกเราอย่างนั้น ส่วนเรื่องลดหย่อนโทษ ผู้ต้องขังที่จะมีโอกาสรับพิจารณาลดโทษได้ ต้องรับโทษ 6 เดือนก่อน แล้วจะดูความประพฤติและเข้าสู่กระบวนการพิจารณาต่อไป”
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์







ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก