อ้างไม่มีที่ไป
![]() |
"นาธาน" ในสภาพนักโทษเรือนจำ |
![]() |
"น้ามด" เหยื่อที่ถูก "นาธาน" หลอกเงินไปร่วม 7 แสนกว่า |
ในขณะที่ “น้ามด” เผยว่ายอมให้อภัยได้ เพราะสงสารที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ยังไงนาธานก็ต้องคืนเงิน 7 แสนกว่าที่โกงไป เพราะทำให้ครอบครัวลำบากมามากแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะเดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรมที่เรือนจำจังหวัดเลยตามที่นาธานร้องขอ เนื่องจากต้องทำงานทุกวัน ที่สำคัญระยะทางจากเชียงคานไปเรือนจำก็ไกลกว่า 50 กิโลเมตร ซึ่งต้องนั่งรถประจำทางไป ซึ่งก็ค่อนข้างลำบาก ที่สำคัญทุกวันนี้ยังต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อหาเงินมาให้ทันใช้หนี้ที่นาธานโกงไป และยังเหลืออีกหลายแสนกว่าหนี้สินจะหมดได้ปลดแอก
![]() |
"ยายไมตรี" แม่ครูแหม่ม อดีตแม่บุญธรรม "นาธาน" |
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง “นางพิมพ์บุญ พันสวัสดิวง” หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปเรือนจำจังหวัดเลย ในฐานะเจ้าหน้าที่โครงการ เพื่อสอบถามถึงรายละเอียดของกิจกรรมดังกล่าว รวมถึงชีวิตหลังเรือนจำของ “นาธาน” ว่าเป็นอย่างไรบ้าง นางพิมพ์บุญก็ได้เปิดเผยเรื่องกิจกรรมก่อนว่า…
“กิจกรรมนี้เป็นโครงการเชิงสมานฉันท์ของทางเรือนจำทั่วประเทศ เพื่อให้นักโทษที่สำนึกผิดได้มีโอกาสขออโหสิกรรมคู่กรณีที่เขาเคยทำร้ายไว้ เป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อประสานรอยร้าวของนักโทษกับคู่กรณี เนื่องจากเราเล็งเห็นว่าถ้าเกิดเขาสำนึกผิดแล้ว แต่ครอบครัวยังไม่ยอมรับและไม่ให้โอกาส ในวันที่เขาพ้นโทษออกไปแล้วโดดเดี่ยว โอกาสที่เขาจะทำผิดซ้ำมันมีสูงมาก เราจึงคิดว่ากิจกรรมนี้เป็นประโยชน์ที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้”
“ในส่วนของเรือนจำจังหวัดเลยได้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 ปีแล้ว ซึ่งจำแนกเป็น 2 ประเภท คือระหว่างผู้ต้องขังกับครอบครัว และผู้ต้องขังกับผู้ต้องขัง อย่างกรณีผู้ต้องขังกับครอบครัวก็เนื่องจากว่า ที่ผ่านมามีคดีที่คนในครอบครัวทำร้ายกันเอง อย่างเช่นเมายาแล้วทำร้ายคนในครอบครัว หรือข่มขืนคนในครอบครัวเป็นต้นค่ะ ซึ่งเราไม่จำกัดคดี แต่จะพิจารณาผู้ต้องขังที่สำนึกผิดและอยากขอโทษเป็นหลัก โดยทางเรือนจำจะเป็นสื่อกลางให้ ”
“ผู้ต้องขังสามารถสมัครแจ้งความประสงค์เข้ามา แล้วทางเรือนจำจะพิจารณาตามเงื่อนไขอีกที หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะประสานไปยังญาติ หรือคู่กรณีของผู้ต้องขังว่าจะรับคำขอโทษเข้าร่วมกิจกรรมหรือเปล่า อย่างถ้าเป็นกรณีผู้ต้องขังกับครอบครัว ก็จะประสานไปว่ายังโกรธแค้นอยู่หรือเปล่า หรือยังต้องการนักโทษเป็นคนในครอบครัวอยู่หรือเปล่า ทางครอบครัวยินดีจะปรองดองหรือเปล่า ถ้าไม่ตอบรับเราก็จะไม่มีการบังคับหรือกดดัน เพราะคนที่ไม่ตอบรับก็มี”
“อย่างนาธานเขาก็เข้ามาขอกับเรา ว่าอยากขออโหสิกรรมทางผู้เสียหาย นั่นก็คือคุณสิทธิพร รวมถึงครอบครับของแม่บุญธรรม แต่ของนาธานไม่ใช่ครอบครัวโดยสายเลือด แต่เขาบอกว่าเขาไม่มีใคร ที่ผ่านมาก็เคยอยู่กับครอบครัวนี้มา ก็นับถือเหมือนเป็นแม่เลี้ยง แต่ตอนมีเรื่องกันเขาไม่มีโอกาสได้ขอโทษ ซึ่งทางเราก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานงาน ซึ่งทางคู่กรณีปฏิเสธมาเนื่องจากไม่สะดวก มีปัญหาเรื่องการเดินทางอะไรประมาณนั้นค่ะ ซึ่งนาธานเขาก็ผิดหวังนะคะ แต่ก็ไม่ได้เศร้ามาก”
“ตอนนี้เขาปรับตัวได้ดีมากๆ เลยค่ะ ดูสดใส เราเคยเห็นเขาในทีวี ตอนนี้ดูดีกว่าตอนอยู่ข้างนอกเยอะเลย เขาขาวขึ้นนะคะ เขาช่วยงานทางเรือนจำทุกอย่างนะคะ อย่างวันเสาร์-อาทิตย์เขาก็จะเป็นนักร้องร้องเพลงให้เพื่อนผู้ต้องขังฟัง ช่วยดูแลผู้ต้องขังสูงอายุคนชราเขาก็ทำได้ดี ช่วยทำความสะอาดสถานที่ต่างๆ เขาทำได้หมด ขัดห้องน้ำ ทำความสะอาดเรือนนอน ทุกคนจะมีเวรรับผิดชอบ เขาก็ทำโดยไม่เกี่ยงนะคะ ใช้ชีวิตเหมือนผู้ต้องขังคนอื่นๆ ทั่วไป”
“ตั้งแต่ต้องโทษมา ก็มีญาติมาเยี่ยมเขาบ้าง จากการสอบถามเขาก็บอกว่ามีคุณอากับคุณลุงมาเยี่ยม แต่เราก็ไม่ทราบนะคะว่าเป็นใครหรือเป็นญาติจริงหรือเปล่า เพราะเวลามีญาติมาเยี่ยมเขาจะต้องติดต่ออีกฝ่ายนึง แต่เขาบอกเราอย่างนั้น ส่วนเรื่องลดหย่อนโทษ ผู้ต้องขังที่จะมีโอกาสรับพิจารณาลดโทษได้ ต้องรับโทษ 6 เดือนก่อน แล้วจะดูความประพฤติและเข้าสู่กระบวนการพิจารณาต่อไป”
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น