วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ลือ “พลอย” ปากเบี้ยวเพราะพิษโบท็อกซ์ เจ้าตัวบอกแค่เครียด

“พลอย” ยันไม่ได้ปากเบี้ยวเพราะพิษโบท็อกซ์ แต่เป็นเพราะเครียดและพักผ่อนน้อย เผยตอนนี้อาการดีขึ้นมากหมอแนะฝังเข็มและพักผ่อนเยอะๆ ด้าน “ด็อกเตอร์ต้าร์” ดูแลเป็นอย่างดีคอยนวดหาวิตามินเสริมมาให้ ย้ำรักยังสดใส ลั่นเลิกกันเมื่อไหร่จะจัดแถลงข่าวพร้อมงานปาร์ตี้ให้ได้ทราบกันทันที
โด่งดังจากบท “หวานหวาน” ในละคร “ระบำดวงดาว” ส่งผลให้ “พลอย เฌอมาลย์ บุญศักดิ์” ฮอตข้ามปีงานวิ่งเข้าชนไม่ขาดสาย เล่นเอาสุขภาพแย่ประกอบกับอาการเครียดส่งผลให้เกิดอาการปากเบี้ยว แต่ก็ยังถูกลือว่าสาเหตุที่แท้จริงของอาการปากเบี้ยวนั้นมาจากพิษของการฉีดโบท็อกซ์มากจนเกินไป เล่นเอาพลอยเครียดจัดเตรียมเข้าพบแพทย์หลายที่เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อมาพิสูจน์

“อย่างแรกพลอยทำงานหนักมาก แล้วก็เหนื่อยมากจนตอนหลังมีคนมาบอกพลอยว่า คนเขาเขียนข่าวอย่างนี้นะวิจารณ์ว่าพลอยไปทำโบท็อกซ์จนปากเบี้ยว แต่พลอยอยากบอกว่าหน้าคนเรามันไม่มีอะไรเท่ากัน เรื่องความไม่เท่ากันมันเป็นธรรมชาติของพลอยอยู่แล้ว แต่ว่าพลอยเริ่มจับสังเกตตัวเองว่าหรือเราป่วยจริงๆ เพราะจากที่คนทักเราก็เริ่มนอยด์ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ก็เริ่มเช็คที่มอนิเตอร์ คนที่กองถ่ายก็ทักว่าเวลาที่พลอยเล่นบทเครียดๆ แสดงอารมณ์มากๆ ปากล่างจะต่ำกว่าเดิม ซึ่งพลอยก็ไปตรวจถึง 3 โรงพยาบาลด้วยกัน ทีแรกก็เช็คร่างกาย เอาไฟฟ้ามาช็อตทั้งตัว เรียกว่าการทำอีเอ็มจี เพื่อเช็คระบบประสาทของเรา ก็มีอาการของเส้นประสาทอักเสบ”

“คือประสาทซีกด้านขวาของพลอยทั้งหมดอ่อนแรง มีการรับรู้ไม่เท่ากับด้านซ้าย ทุกคนก็เป็นห่วง ทั้งพ่อของพี่ต้าร์(นาวิน เยาวพลกุล)และตัวพี่ต้าร์เองก็เลยให้ไปหาหมออีกที่หนึ่ง ก็วินิจฉัยออกมาว่าไม่น่าจะเป็นอะไรนะ เราก็งง คือเครื่องมือแพทย์มันโกหกกันไม่ได้ ก็เลยไปอีกแห่งหนึ่งก็ไปตรวจสุขภาพครั้งใหญ่เลย หมอก็ห่วงว่าจะเป็นโรคคุณพุ่มพวง , มีงูสวัด หรือมีไวรัสในเลือดหรือเปล่า เพราะอาการที่เป็นแบบนี้มันมีหลายสาเหตุมาก แต่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นถึงเส้นประสาทอักเสบ เพราะแบบนั้นจะปากโย้ กินน้ำไม่ได้ เดินตัวเอียง แต่ของพลอยยังไม่หนักขนาดนั้น”

“พลอยเองก็มีความกังวล เพราะคนมันเม้าท์ มันก็รบกวนพลอย และพลอยก็เหนื่อย ก็เลยทำการสแกนสมองทั้งหมดเลย เพื่อหาสาเหตุ ผลที่ตรวจมาไม่ได้เป็นเส้นประสาทอักเสบ แต่ก็มีอาการอักเสบของเส้นประสาท พลอยก็บอกว่าเราเดือดร้อนที่ถูกคนเม้าท์ หมอเลยบอกให้เราไม่เครียดกับเรื่องพวกนี้บ้าง พลอยบอกว่าพลอยทำไม่ได้ พลอยโดนกล่าวหา”

“หมอก็บอกว่าเราเป็น เบลล์ พัลซี่ (Bell's palsy โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก) เป็นอาการของเส้นประสาทอักเสบจากการเราเครียด เหนื่อย กังวล นอนน้อย ซึ่งโรคกลุ่มนี้มันจะหายด้วยตัวมันเอง โดยที่หมอไม่ต้องนัดพลอยมารักษานะ ไม่ต้องรับทรีทเม้นต์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่หมอก็แนะนำให้เราไปฝังเข็ม และบอกให้เราพักผ่อนเยอะๆ ไม่เครียด พลอยก็ยอมรับว่าอาการแบบนี้มันเริ่มน้อยลงๆ แล้ว แต่ก็ยังมีเกร็งบ้าง ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปฝังเข็มที่ไหนเลยเพราะยังไม่มีเวลาค่ะ”

เผย “ต้าร์” คอยดูแลหาวิตามินเสริมให้ช่วงระหว่างป่วย จนตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วแต่ยังต้องทำงานปกติเหมือนทุกวันเพราะไม่ถึงเวลาพัก ย้ำปากเบี้ยวเกิดจากอาการป่วยไม่เกี่ยวกับพิษโบท็อกซ์แน่นอน
“เขาก็บอกให้พักบ้าง เพราะพลอยทำงานหนัก ปวดหัวบ่อยค่ะ ช่วงนี้ก็กินพวกวิตามิน โปรตีน เพราะกล้ามเนื้อมันลีบ มือไม่มีแรง เขาก็ให้บริหารบ้างก็คลายความกังวลไปบ้างเดี๋ยวมันก็หาย แต่ถ้าอยากรู้อะไรไม่เชื่อใจพลอยไม่เชื่อที่หมอพูดก็ไปสืบกันเอง พลอยคงไม่ใส่ใจแล้วค่ะ อยากพูดอะไรก็พูดเชิญตามสบาย เพราะว่าพลอยไม่ได้แอนตี้การฉีดโบท็อกซ์หรือการศัลยกรรม รู้สึกดีถ้าใครทำแล้วสวยมันเลิศเราก็ยินดี แต่พลอยยังไม่ได้ทำเพราะหน้าพลอยเหี่ยวจะตายมีตีนกา ถ้าพลอยฉีดโบท็อกซ์มันคงตึงค่ะ(ทำหน้าดึงหน้าให้ตึง)”

“ตอนนี้ก็ยังทำงานปกติเหมือนทุกวัน มันยังไม่ถึงเวลาพัก ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่เป็นห่วงพลอย เดี๋ยวคงดีขึ้น ทุกคนรอบข้างดูแลพลอยเป็นอย่างดี พลอยโอเคแล้วก็จะพักผ่อนให้มันมากถ้ามีโอกาส และต้องพยายามไม่เครียด ซึ่งพลอยก็คงต้องไปจัดการกับกระบวนการคิดของตัวเองใหม่ว่าอย่าไปใส่ใจอะไรมากค่ะ”

ย้ำความรักกับหนุ่ม “ต้าร์” ยังดีอยู่ ลั่นหากเลิกกันเมื่อไหร่จะจัดแถลงข่าวพร้อมงานปาร์ตี้ให้ได้ทราบกันทันที
“ก็เป็นช่วงฤดูเทศกาลแห่งข่าวลือว่าเลิกทุกคนก็โดน ก็ไม่ถือโทษโกรธกันอย่างที่บอกอยู่ตรงนี้มันกดดันอยู่เฉย ๆ ก็มีคนเอาเรื่องมาให้ เราก็ดันมาตอบอีก เอาเป็นว่าไม่ซีเรียสกับเรื่องข่าวทุกอย่างมันก็เป็นไปตามเวลา พลอยต้องถามกลับว่าพลอยมีสิทธิ์โกรธได้ด้วยหรือเปล่า หรือว่าพลอยรู้สึกอะไรได้มั้ย พลอยก็ไม่กล้าเดี๋ยวก็ไปลงหัวข้อว่าเราวีนเหวี่ยงนี่นั่น ทั้งๆ ที่เราก็พูดดีๆ ค่ะ กับพี่ต้าร์ทุกอย่างยังโอเคอยู่ ถ้าเลิกเดี๋ยวแถลงพร้อมจัดปาร์ตี้เลย แต่ตอนนี้ยังค่ะ อย่าไปอะไรมาก ยังไม่ถึงเวลาค่ะ (หัวเราะ)”
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก