วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

“ณเดชน์-ญาญ่า” คู่ฮอตแห่งปี“4+1 แชแนลทรี” แรงยกแก๊ง - ดาวต่างมุม

“ณเดชน์-ญาญ่า” คู่ฮอตแห่งปี“4+1 แชแนลทรี” แรงยกแก๊ง - ดาวต่างมุม
เจอสกู๊ปหนัก ๆ แสบ ๆ คัน ๆ กันไปเยอะแล้ว วันนี้ขออะไรเบา ๆ ซอฟท์ ๆ เชิงสร้างสรรค์วงการบันเทิงกันบ้างดีกว่า ปีนี้ต้องยอมรับว่ามีหนุ่มฮอตสาวฮิตแจ้งเกิดในวงการบันเทิงกันมากมาย บางคนก็ฮอตกันเป็นคู่ บางคนก็ฮอตตั้งแต่ยังไม่มีผลงาน บางคนฉาวซะจนฮอต เอ้า!ไปดูกันดีกว่าว่าแต่ละคนเป็นแบบไหน

ประเดิมกันที่ “พระ-นางสุดฮอตแห่งปี” นาทีนี้คงไม่มีใครเกินคู่ ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ อีกแล้ว หลังจากประเดิมจับคู่ลงจอในละคร “ดวงไฟอัคนี” เหมือนจุดไฟความฮอตให้ทั้งคู่ จากนั้นก็มีงานถ่ายแบบและโฆษณาของคู่นี้ออกมาติด ๆ กัน จนมาถึงงานละครเรื่องล่าสุด “เกมร้ายเกมรัก” ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าคู่นี้เป็นคู่ที่ลงตัวที่สุด แรงหมือนคู่ของ “หมิว-ลลิตา และ วิลลี่” เมื่อ10 ปีก่อน ถ้าณเดชน์และญาญ่าดูแลรูปร่างหน้าตาตัวเองเป็นอย่างดี รับรองว่ายังควงคู่รับทรัพย์กันได้อีกนาน


มาฝั่งหนุ่มฮอตกันบ้าง ปีนี้ต้องยกให้แก๊ง “4+1 แชแนล ทรี” เพราะฮอตยกแพ็คกันจริง ๆ เริ่มตั้งแต่ “พระเอกหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อ” มาริโอ้ เมาเร่อ คนนี้ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งฮอต หลังจากที่แจ้งเกิดจากงานหนังเมื่อหลายปีก่อน แต่ปีที่แล้วมาริโอ้ดังมากขึ้นเมื่อกระโดดมาเล่นละคร “เพลิงทระนง” เจ้าตัวก็กระหึ่มมากขึ้น ล่าสุดตอนนี้ความหล่อของเขาไปเตะตาสาวจีนเข้าอย่างจัง โกอินเตอร์ไปเล่นหนังที่ประเทศจีนแล้ว แหม!ของเขาดีจริง ๆ นะเนี่ย

“เคราเจ้าเสน่ห์” บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ก็ใช้ความเซอร์มัดหัวใจสาว ๆ ซะอยู่หมัด ช่วงแรก ๆ ที่เข้ามายังไม่แรงเท่าไหร่ แต่พออยู่ไปนาน ๆ เหมือน “ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด” สาว ๆ กรี๊ดกันทั้งบ้านทั้งเมือง ยิ่งมารับบทไอ้หนวดใน “รอยมาร” และหนุ่มมาดเซอร์ใน “3 หนุ่มเนื้อทอง” ความฮอตของเขาก็ร้อนแรงทะลุปรอทเลยทีเดียว

“หนุ่มหน้าหวานแห่งปี” ตำแหน่งนี้ต้องยกให้พระเอกหนุ่ม หมาก-ปริญ สุภารัตน์ เปิดตัวมาปุ๊บก็กระโดดเป็นพระเอกในละคร “เงารักลวงใจ” ต่อจากนั้นก็มีงานละครต่อเนื่องได้แก่ “ปฐพีเล่ห์รัก” , “ตะวันเดือด” และ “สามหนุ่มเนื้อทอง” ถึงความแรงจะไม่ฮอตเท่าเพื่อนซี้ ณเดชน์ แต่กระแสเขาก็แรงติดอันดับของปีนี้ด้านหนุ่มล่ำน้องใหม่อย่างพระเอกหนุ่ม เคน-ภูภูมิ พงศ์ภานุ หนุ่มคนนี้ค่อนข้างจะพิเศษสักเล็กน้อย เพราะเป็นคนเดียวที่ดังตั้งแต่ยังไม่มีผลงานออกมาให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน แต่พอยิ่งมีงานหนัง “30 กำลังแจ๋ว” และละคร “3 หนุ่มเนื้อทอง” มาให้ชม เจ้าตัวก็เรียกเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ อย่างระงม แถมยังไม่ทันจะผ่านพ้นปีก็มีงานละคร “แรงเงา” จ่อคิวถ่ายทำอยู่ด้วยถึงคนนี้จะไม่ได้อยู่ใน “แชแนลทรี 4+1” เป็นม้านอกสายตา แต่ โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ แจ้งเกิดจกบทเล็ก ๆ ในละคร “ดอกส้มสีทอง” ด้วยความหล่อและอบอุ่นในบทของ “นัท” เพื่อนชายที่แอบรัก “เรยา” ทำให้โป๊ปครองใจสาว ๆ ทั้งบ้านทั้งเมือง งานละครเข้ามาไม่ขาดสายทั้ง ตะวันเดือด,เกมร้ายเกมรัก,ซิทคอม “วิ้งค์ เจ้าเสน่ห์” และ บ่วง ล่าสุดแว่วมาว่าผู้จัดมือดี หน่อง-อรุโณชา เตรียมดันหนุ่มโป๊ปขึ้นแท่นพระเอกในปีหน้าด้วย...หนุ่มคนนี้ “ม้ามืด” จริง ๆ !!

ส่วนหนุ่มคนนี้ก็คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมานาน เล่นมาตั้งแต่บทพระรอง,ตัวร้ายและพระเอก แต่ 2 ปีที่ผ่านมานี้ต้องยอมรับว่า ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนนรักษ์ มาแรงจริง ๆ เพราะนอกจากผลงานละคร “สงครามนางฟ้า” จะโกอินเตอร์ฉายที่ประเทศจีนแล้ว กระแสตอบรับแฟนละครที่นั่นดีเกินคาด สาวจีนพากันคลั่งไคล้ในความหล่อเข้มของป้องแบบเกรียวกราว ถึงขนาดคว้ารางวัลนักแสดงหนุ่มสุดฮอตจากเมืองจีนมาด้วย...เรียกได้ว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีทองของป้องเลยก็ว่าได้

ฟากพระเอกที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มหมาด ๆ อย่าง เก้า-จิรายุ ละอองมณี ก็มาแรงสุด ๆ หลังจากปีที่ก่อนเผยความหล่อในมาดหนุ่มเต็มตัวกับภาพยนตร์ “5 แพร่ง” และปีที่ผ่านมาเจ้าตัวก็ทำให้สาว ๆ ทั้งเมืองตกหลุมรักอีกครั้งกับผลงานภาพยนตร์ “ซัคซี๊ด ห่วยขั้นเทพ” เรื่องนี้ทำให้เก้ามีแฟนคลับเพิ่มขึ้นเพียบ

เพื่อนซี้ของน้องเก้าอย่างไฮโซ พีช-พชร จิราธิวัฒน์ ที่กระโดดมาเล่นหนัง “ซัคซี๊ดฯ” เป็นครั้งแรก ก็ดังเป็นพลุแตกตามกันมาติด ๆ ส่งผลให้ภายในปีเดียวกันเจ้าตัวได้แสดงภาพยนตร์ “ท็อป ซีเครท วัยรุ่นพันล้าน” เบิ้ลไปอีกเรื่อง ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ชื่อของหนุ่มพีชเลยขึ้นแท่นหนุ่มเนื้อหอมอีกคนของวงการไปโดยปริยาย

ด้านหนุ่มฮอตตลอดกาลอย่าง ก็ยังคงเป็นนักร้องหน้าหยก โดม-ปกรณ์ ลัม เพราะนอกจากงานพรีเซ็นเตอร์จะเข้ามาไม่ขาดสายแล้ว หลังกระโดดมาเล่นละครเต็มตัวครั้งแรก “รักไม่มีวันตาย” สาว ๆ ล้วนอยากเป็นเหยื่อของแวมไพร์รูปงามกันทั่วบ้านทั่วเมือง นอกจากนี้โดมก็ยังมีงานอีเว้นท์ไม่เคยขาดมือ แถมค่าตัวต่อช.ม.ก็ไม่ใช่น้อย ๆ อีกต่างหาก

มากันที่ฝ่ายหญิงกันบ้าง ปีนี้มีสาวลูกครึ่งติดโผสาวฮอตอันดับต้น ๆ กันทั้งนั้น เริ่มที่ คิมเบอร์ลี่ แอนด์ โวลเทมัส ก่อน สาวคนนี้ความฮอตเป็นรองญาญ่านิดหน่อย แต่งานละครก็มีให้เห็นไม่ขาดสาย เธอแจ้งเกิดจากละคร “ธาราหิมาลัย” หลังจากหายไปพักนึงก็มีละคร “รักปาฏิหาริย์” เรื่องนี้ยังไม่ทันลาจอ ก็เห็นหน้าเธออีกใน “3 หนุ่มเนื้อทอง” แถมยังมีงานพรีเซ็นเตอร์อีกต่างหาก...แรงตามญาญ่ามาติด ๆ เลยนะเนี่ย

ช่อง 3 ยังมี มาร์กี้-ราศรี บาเลนซิเอก้า ที่ก่อนหน้านี้กระแสของเธอยังอยู่ในภาวะขึ้น ๆ ลง ๆ แต่พอมาจับคู่กับ บอย-ปกรณ์ ในละคร “วายุภัคมนตรา” และ “รอยมาร” ทำให้ชื่อของมาร์กี้กลับมาอยู่ในทำเนียบสาวฮอตอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมี มิ้นท์-ณัฐวรา วศ์วาสนา เธอคนนี้ช่อง 3 พยายามดันให้เป็นนางเอกตั้งแต่เรื่อง “เงารักลวงใจ” และ “เคหาสน์สีแดง” แต่มิ้นท์กลับไม่รุ่งเท่าไหร่ จนกระทั่งล่าสุดพลิกบทมาเล่นร้ายครั้งแรกใน “เกมร้ายเกมรัก” ชื่อของมิ้นท์กลายเป็นที่รู้จักขึ้น

ฝั่งช่อง 7 ก็มีสาวลูกครึ่ง ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ รั้งตำแหน่งดาวรุ่งของช่อง ใหม่แจ้งเกิดจากละครเรื่องแรก “เงากามเทพ” และ “เหนือมนุษย์” ต่อยอดความดังกันอีกกับละคร “ดอกแก้ว” แต่สาวใหม่ดันเจอสกัดดาวรุ่งด้วยภาพหลุดขณะจูบปากกับนักแสดงหนุ่มช่อง 3 กาณณ์-กณิณ ช่วงนั้นมีข่าวลือว่าพิษภาพหลุดทำให้เธอถูกพักงาน แต่แล้วข่าวลือก็ถูกสยบโดยพลัน เพราะล่าสุดเธอกำลังถ่ายทำละคร “มาหยารัศมี” อยู่...แหม!คนมันจะดังอะไรก็ฉุดไม่อยู่

ด้านนางเอกหน้าเข้มอย่าง หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ เธอคนนี้เข้าวงการมานานมาก ผ่านงานมาก็เยอะ แต่องศาความแรงของเธอเพิ่งจะถึงขีดสุดเมื่อปีก่อนจากภาพยนตร์ “กวนมึนโฮ” ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ปีที่ผ่านมาเธอกวาดรางวัลนางอกยอดเยี่ยมได้จากหลายสถาบัน พร้อมกันนี้ยังขึ้นแท่นเป็นนางเอกซีรี่ส์ “วิ้งค์ เจ้าเสน่ห์” และ “โลมาท้าฝัน” ด้วย ล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเธอมีอัลบั้มเดี่ยวเป็นของตัวเองด้วย

ค่ายอาร์เอสเองก็มีนักร้องสาว แก้ว-จริญญา ศิริมงคลสกุล เป็นหน้าเป็นตาของค่าย เพราะนอกจากจะมีละคร “บันทึกลับซุปเปอร์สตาร์” และหนัง “บางกอกกังฟู” แล้ว แก้วยิ่งเป็นที่จับตามองมากยิ่งขึ้นเมื่อเธอมีข่าวกำลังคบหาดูใจกับคาสโนว่า ป้อง-ณวัฒน์ ใครหลายคนสงสัยเหลือเกินว่าเธอคนนี้มีดีอะไรทำไมถึงทำให้หนุ่มเจ้าชู้อย่างป้องออกมายอมรับว่ากำลังศึกษาดูใจกับเธออยู่

ฟากกลุ่มนักร้องที่มาแรงปีนี้ในวงการเพลงลูกทุ่งต้องยกให้ 3 สาวแห่งวง “บลูเบอรี่” เพราะเพลง “ชิมิ” ของพวกเธอฮิตติดชาร์ตสุด ๆ เป็นเพลงที่มียอดดาวน์โหลดเยอะแห่งปีเลยก็ว่าได้ ตามมาด้วยศิลปินกลุ่ม “รูม 39” เจ้าของเพลงฮิต “หน่วง” ก็ฮอตติดลมบนสุด ๆไปไหนมาไหนมีแต่คนฮัมเพลงนี้กันถ้วนหน้า

ปีนี้จะไม่พูดถึง จ๊ะ คันหู นักร้องสาวเจ้าของท่าเต้นสุดสยิว “คันหู” เดี๋ยวจะหาว่าตกเทรนด์ กระแสของจ๊ะดังมาจากยูทูปเช่นกัน เพลงที่สองแง่สองง่ามบวกกับท่าเต้นที่เร้าอารมณ์ทำให้ชื่อของเธอคนที่เป็นที่รู้จักภายในเวลาชั่วข้ามคืน งานคอนเสิร์ตติดต่อให้เธอไปร้องเล่นเต้นโชว์แบบไม่ขาดสาย...แต่ดังทางนี้ไม่ค่อยน่าสนับสนุนเท่าไหร่นะจ๊ะ

มาถึงกลุ่ม “นางเอกฮอตหลายปีซ้อน” อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ,ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต,พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ และ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ กันบ้าง กลุ่มนี้ดังไม่บันยะบันยังมาหลายปี อย่างสาวอั้มปีนี้อาจจะมีงานละครให้เห็นกันน้อยหน่อย แต่ผลงานด้านอื่น เช่น ออกแบบและเป็นนางแบบเสื้อชั้นในดังยี่ห้อหนึ่ง ช่วยให้กระแสของอั้มไม่ตกลงไปแม้แต่น้อย แต่ที่เด่นกว่าเรื่องงานก็คือเรื่องความรัก เพราะปีนี้เธอเลิกรากับไฮโซ โน้ต-วิเศษ รังสีสิงห์พิพัฒน์ แล้ว และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงสนิทสนมกับ กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ ด้วย เธอจึงยังคงตกเป็นเป้าที่สื่อให้ความสนใจมากที่สุดเหมือนเดิม

ฟาก ชมพู่-อารยา กระโดดมาเล่นละครช่อง 3 ตั้งแต่ปีก่อน แต่เพิ่งจะมาโดดเด่นสุด ๆ ตอนที่เธอรับบทเป็น “เรยา” ในละคร “ดอกส้มสีทอง” นอกจากประชาชนจะให้การตอบรับละครเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว แฟชั่นต่าง ๆ ที่ชมพู่ใส่ในละครล้วนแต่ฮิตทั้งนั้น พลอย-เฌอมาลย์ เป็นนางเอกสาวมากฝีมือ ปีนี้เธอฝากฝีมือไว้ในละครต่าง ๆ มากมาย บทหลากหลายอีกต่างหาก ได้แก่ “พิมมาลา” และ “รักไม่มีวันตาย” ซึ่งเรื่องนี้เธอถูกจับตามองสุด ๆ เพราะเธอหวนกลับมาร่วมงานกับอดีตคนรักอย่าง โดม-ปกรณ์ อีกครั้ง แถมยังมีหนัง “30 +” และ “อุโมงค์ผาเมือง” ด้วย

ปิดท้ายที่นางเอกสาวหน้าหวาน แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ปีนี้ผลงานสร้างชื่อของแพนเค้กหนีไม่พ้นละคร “เธอกับเขาและรักของเรา” เพราะเธอเล่นคู่กับหวานใจคนปัจจุบัน เป้-อารักษ์ อมรศุภสิริ ซะจนทำเอาคนทั้งบ้านทั้งเมืองอินไปตาม ๆ กัน และจากเรื่องนี้เองทำให้ต้นรักที่เธอและ เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ ปลูกด้วยกันมาหลายปีมีอันต้องจบลง และไปคบหาดูใจกับเป้แทน ปีนี้เรียกได้ว่าสาวแพนเค้กรุ่งทั้งเรื่องงานและเรื่องความรัก

ส่วนปีหน้าฟ้าใหม่ ใครจะขึ้นแท่นหนุ่ม-สาวฮอต คงต้องติดตามตอนต่อไป ยังไงก็ขอให้ทุกคนรุ่ง ๆ เฮง ๆ กันถ้วนหน้านะจ๊ะ

วัลภา ธีรสุขยอดยิ่ง รายงาน
ที่มา เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก